ที่มา : http://bit.ly/2fgs69A (ขอขอบคุณ www.bangkokbiznews.com) ในวันที่โลกก้าวสู่ยุคดิจิทัล ที่สุดก็ “หมดยุคสำเพ็ง200 ปีไม่มีวันตาย” เคยผ่านทั้งยุคที่เฟื่องฟูสุดขีด อยู่ในช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งค่าเงินหยวนของจีนเวลานั้นถูก แต่ค่าเงินบาทไทยแข็ง เลยสร้างกำไรแฝงให้มากถึง 10% แต่ไม่นานธุรกิจค้าส่งก็เจอปรากฏการณ์ดิสรับชั่น คือจากเดิมพ่อค้าอินเดียที่เป็นลูกค้าหลักจะบินมาซื้อของที่สำเพ็ง ก็กลับบินตรงไปสั่งของที่ประเทศจีนเอง พอคิดหวังจะพึ่งตลาดพ่อค้าคนไทย และได้เปิดกลุ่มไลน์ใช้ค้าขายกับตัวแทนจำหน่ายแต่พวกเขากลับใช้เป็นมาร์เก็ตเพลสไว้ค้าขายกันเอง เรียกง่ายๆคือเกิดภาวะ “กรุ๊ปไลน์เป็นพิษ” นี่คือประสบการณ์ทั้งสุขและทุกข์ในช่วงที่มีชีวิตเป็นพ่อค้าขายส่งที่สำเพ็งของ “เวชอมร จรูญผลฐิติ” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Commerzy (คอมเมอร์ซี่) จนมองเห็นว่า “หมดยุคสำเพ็ง200 ปีไม่มีวันตาย” ในวันที่โลกก้าวสู่ยุคดิจิทัล ที่สุดก็ได้หาทางปรับตัวโดยเขียนระบบบริหารจัดการค้าส่งที่ชื่อว่า “ชิคจังชั่น” ระบบดังกล่าวจะช่วยเปิดร้านขายรองเท้าได้ทันที โดยไม่ต้องจ่ายเงินเป็นหลักแสนเพื่อมีสินค้ามาโชว์ที่หน้าร้าน ไม่ต้องลงทุนแบกรับสต็อก แค่ใช้เงินเพียงแค่ 25,000 บาท เพื่อทำการตัดออโต้เมื่อมีการจองสินค้า และมีเงินมัดจำการใช้ระบบ 5,000 บาท เท่านั้น “เราเริ่มทำจริงๆเมื่อปี 2014 แต่มาพีคจริงๆคือปีที่แล้วพีคจนกระทั่งลูกค้าที่ใช้ระบบมาหาลูกน้องเพื่อถามว่าใครที่เขียนระบบนี้ขึ้นมา เพราะส่งของไม่ผิดเลย มันเป็นไปได้ยากเพราะเขาเป็นตัวแทนมาหลายร้านๆส่วนใหญ่จะส่งของผิดหมดเลย” จึงกลายเป็นว่าตัวแทนที่อยู่ในระบบได้ไปกดดันกันเองว่าจะไม่ค้าขายด้วยถ้าไม่ใช้ระบบชิคจังชั่น เมื่อมั่นใจว่าระบบที่พัฒนาจากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการเจ็บจริง ลุกได้จริงสามารถตอบโจทย์พ่อค้าขายส่งได้เป็นอย่างดี ที่สุดก็นำมาสู่การตัดสินใจเปิดตัวเป็นสตาร์ทอัพในนาม คอมเมอร์ซี่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาRead more